วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ลดสิว ด้วย 6 วิธีง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

ลดสิว ด้วย 6 วิธีง่ายๆด้วยตัวคุณเอง
ไม่ว่าจะเพศชาย หรือ เพศหญิง เมื่อก้าวสู่วัยรุ่นเชื่อค่ะว่าหนีไม่พ้นเรื่องของสิว ไม่ว่าจะเป็นมากหรือน้อยก็ตามที สิวมามากเกิดขึ้นทุกที่ ทุกส่วนบนร่างกายของเราไม่ใช่เฉพาะแค่บริเวณใบหน้าเท่านั้นค่ะ เมื่อสิวขึ้นแล้วมันไม่เหมาะเลยใช่มัยละค่ะ ที่คนอื่นจะมองบนใบหน้าอันสวยงามของเรา แถมยังเป็นจดเด่นบนใบหน้าของเราซะด้วยสิ ยิ่งไปกว่านั้นมันทำให้เรากังวลใจมากขึ้นเกี่ยวกับสิวที่ขึ้นบนใบหน้า ทุกคนต่างที่จะทำให้หน้าเรียบเนียนไม่มีรอยสิวใช่มัยค่ะ ทุกวันนี้เราก็ยังหาวิธีการรักษา วิธีกำจัดสิวออกจากบริเวณทั่วร่างกายของเราโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าอันสวยงามของเรา โดยเว็บบอร์ดดังๆอย่าง pantip.com jeban.com เป็นต้นค่ะ เว็บเหล่านี้จะมีคนมาแนะนำหรือรีวิววิธีการต่างๆที่จะรักษาสิว การก้าวเข้าสู่วันรุ่นมันทำให้ฮอร์โมนต่างๆในร่างกายสูงขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรานั้นเกิดสิวได้อย่างง่ายเลยค่ะ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันการเกิดสิวที่กำลังจะเกิดขึ้น และลดการเกิดสิวนั้นให้เกิดน้อยลงเพื่อลดรอยด่างดำบนใบหน้าของเรานั้นเองค่ะ ต่อไปนี้คือวิธีการบางส่วนที่จะช่วยลดการเกิดสิวของเราให้เกิดน้อยลง และไม่ทำให้สิวนั้นเกิดความรุนแรงขึ้นมาค่ะ
ลดสิว
การรักษาความสะอาดบนใบหน้า
                ถือว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เราต้องล้างใบหน้าให้มันสะอาดอยู่เสมออย่าปล่อยให้หน้ามันทิ้งไว้นะค่ะ ด้วยปัจจุบันมลพิษในอากาศและการแต่งหน้าที่ของคุณ มันทำให้รูขุมขนบนใบหน้าของคุณอุดตัน และนั่นคือเหตุผลหลักที่คุณเป็นสิวนั้นเองค่ะ ล้างหน้าให้สะอาดอย่างน้อยสองหรือสามครั้งต่อวัน ใช้สบู่หรือโพสล้างหน้าที่อ่อนๆ หลีกเลี่ยงใช้ของที่รุนแรงไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะทำให้เป็นสิวแพ้หนักกว่าเดิมค่ะ หรืออาจจะทานยาโดยได้รับการปรึกษากับแพทย์ผิวหนังของคุณ นอกจากนี้เช็ดใบหน้าของคุณด้วยผ้าขนหนูที่สะอาดในการเช็ดหน้าทุกครั้งค่ะ
หลีกเลี่ยงอาหารมัน
                อาหารมันเช่น อาหารทอด เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดสิว ฉะนั้นควรพยายามที่จะหลีกเลี่ยงอาหารทอดและอาหารอื่น ๆ ที่สามารถทำให้สภาพสิวของคุณแย่ลง อาหารบางอย่างอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นควรเลือกกินอาหารประเภทผักและผลไม้สดๆมากกว่าค่ะ
ครีม เครื่องสำอาง ลดสิว
                สินค้าทาหน้าเพื่อลดการเกิดสิว ทำให้ผิวขาว นั้นบางครั้งการใช้ครีมกับใบหน้าของเราอาจจะไม่ถูกกัน ถึงแม้จะซื้อครีมยี่ห้อดังๆก็ตาม ฉะนั้นเราควรที่จะลองทดลองครีมว่าเราใช้ถูกกันหรือไม่ ถ้าเราทาแล้วรู้สึกคันๆ หรือแสบๆ ควรหยุดใช้ทันทีค่ะ
พยายามแต่งหน้าให้น้อยที่สุด

                สาวๆอย่างเราต้องแต่หน้าทุกวัน วันไหนลองไม่แต่งสิค่ะ อย่างกับซากศพ การแต่งหน้าก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวนะค่ะ เนื่องจากเครื่องสำอางเหล่านั้น ไปอุดตันที่รูขุมขนของเรา เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดสิวค่ะ ยิ่งทาเยอะยิ่งแย่ลงนะค่ะ ดังนั้นเดียวนี้คนเขียนก็เลยทารองพื้นแค่บางๆ ให้เนียนนิสๆ แล้วค่อยทาแป้งฝุ่นเอาค่ะ สิวก็ลดลงมากเลยค่ะ
การขัดถูก นวดหน้า
                พยายามหลีกเลี่ยงนะค่ะ มือของเราเองนี้แหละตัวดีเลยค่ะ ชอบไปแกะแคะอยุ่นั้นแหละ ฉะนั้นถ้าจะทำ อย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนนะโดยใช้สบู่หรือเจลล้างมือให้สะอาด ไม่อย่างงั้นอาจจะทำให้ติดเชื้อเป็นสิวอักเสบได้ค่ะ

                หากปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ แนะนำให้ไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่าจะมารักษาด้วยไม่รู้อะไรนะค่ะ ไม่อย่างนั้นจะเกิดอาการแพ้อย่างรุ่นแรงและรักษาหายยากมากเลยค่ะ

ลดผิวหน้าคล้ำ ด้วยเคล็ดลับ 7 วิธีทำที่บ้านได้ง่ายๆ

ผิวหน้าหมองคล้ํา มีสาเหตุมาจากหลายๆปัจจัยค่ะ เช่น ทำงานกลางแจ้ง การไปเที่ยวทะเลเล่นน้ำทะเล ทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ หรือแม้แต่กระทั้งการทำงานเครียดๆ ทำให้ผิวหน้าของเราหมองคล้ำได้อย่างชัดเจน ปัญหาก็คือ เมื่อผิวของเราเม็ดสีเมลานินขึ้นมาเป็นสาเหตุหลักของผิวคล้ำ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเปลี่ยนสีผิวของเรานั้นให้ขาวเพียงชั่วข้ามคือ เราไม่ใช่กิ่งก่า น่ะค่ะ ที่อยากจะเปลี่ยนสีผิวก็เปลี่ยน แต่ใช่คุณสามารถ ลดผิวหน้าคล้ำ บนผิวของคุณโดยทำตามเคล็ดลับง่ายๆ ดังนั้นนี้ค่ะ

มะนาวกับมะละกอสุก
               ทั้งสองอย่างนี้ในตามธรรมชาติแล้วมีคุณสมบัติช่วยในการพอกสี โดยการบดมะละกอและมาผสมกับน้ำมะนาวสักครึ่งลูก ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันและทาทิ้งไว้บนใบหน้าของเรา ประมาณ 15-20 นาที ทำเว้น 2 วันครั้ง ก็จะช่วยลดความหมองคล้ำของผิว ลดสิว และช่วยกระชับรูขุมขนเล็กๆ บนใบหน้าของเราด้วยค่ะ
ผงขมิ้นและโยเกิร์ต
                ขมิ้นเป็นสมุนไพรที่ช่วยในการลดรอยดำจากสิวและความหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ผงขมิ้นครึ่งช้อนชา (อย่าใส่เยอะนะค่ะ จากที่หน้าจะขาวกลายเป็นหน้าเหลืองค่ะ) ผสมกับโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้าด้วยกัน ทางบริเวณใบหน้าและลำคอทิ้งไว้จนกว่าจะแห้งแล้วล้างด้วยน้ำอุ่นจะช่วยลดรอยบนใบหน้าของคุณในทางที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด
ลดผิวหน้าคล้ำ
แตงกวากับน้ำผลไม้
                แตงกวามีคุณสมบัติฟอกสีธรรมชาติ นำน้ำผลไม้ หรือน้ำส้มก็ได้ค่ะ มาผสมรวมกันในอัตรา 1 : 1 นำไปทาที่ผิวทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วทางออกด้วยน้ำอุ่น โดยทำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งก็จะช่วยลดความหมองคล้ำของผิวหน้าลงได้ค่ะ
น้ำมะเขือเทศและวิตามินอี
                น้ำมะเขือเทศธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผิวของคุณ น้ำมะเขือเทศสามารถลดจุดเม็ดสีและรอยหมองคล้ำ รอยดำต่างๆบนใบหน้าของคุณได้เป็นอย่างดี วิธีการทำก็คือนำมะเขือเทศบดละเอียดผสมกับวิตามินอี 1 แคปซูล ผสมให้เข้ากันก่อนที่จะทาบนใบหน้าของคุณ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะทำให้ผิวของคุณนั้นขาวกระจ่างใสขึ้นทันทีค่ะ
อาหารเสริมและวิตามิน
                อาหารเสริมและวิตามินถือว่าเป็นสิ่งที่สะดวกและได้ผลรวดเร็วนะค่ะ เพราะตรงกับความต้องการของเราโดยเลือกทานวิตามินที่ช่วยในการลดความหมองคล้ำของสีผิว เช่น สารสกัดจากเม็ดองุ่น สารสกัดจากมะเขือเทศ หรือแม้กระทั้งพวก วิตามินซี NAC หรือ ALA ก็จะช่วยลดความหมองคล้ำได้อย่างรวดเร็วแถมยังสะดวกอีกด้วยค่ะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลตัวเอง

สำหรับคนเขียนแล้วขอเลือกวิตามินค่ะ เพราะสะดวกและไม่ต้องเสียเวลาในการหาวัตถุดิบ และประหยัดเวลาค่ะ ยิ่งเราต้องทำงาน ออกจากบ้านตอนเช้า กลับมาก็เย็น จะเอาเวลาไหนไปพอกหน้าละค่ะ ดังนั้นวิตามินจึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับวัยทำงานอย่างเราๆ ถึงแม้จะหาเงินเยอะ ทำงานเก่ง แต่แน่นอนค่ะว่า ความสวยก็ไม่แพ้กัน ไปไหนมาไหนขอดูดีไว้ก่อนค่ะ

6 วิธีลดหน้าท้องภายใน 1 เดือน

การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคุณจึงต้องมีความพยายามอย่างสูง คุณต้องตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักให้ได้ ถ้าคุณคิดว่าคุณมีไขมันส่วนเกินในบริเวณหน้าท้องของคุณแล้วคุณสามารถลดไขมันในเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น
               วันนี้เราจะมาดูขั้นตอนที่จะทำให้หน้าท้องของคุณแบนราบ โดยวิธี ลดหน้าท้อง ใน 30 วัน ถ้าคุณทำตามขั้นตอนแล้วละก็ แน่นอนว่าจะได้รูปทรงหน้าท้องที่แบบราบแน่นอน
ลดหน้าท้อง
1. ลดปริมาณกินแคลอรี่
              แคลอรี่ในอาหารมีความสำคัญมากที่จะช่วยลดน้ำหนักของเรา ถ้าเราทานอาหารที่มีแคลอรี่มากในอาหาร เวลาร่างกายนำไปใช้ จะไปใช้ไม่หมดทำให้เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมแทน ดังนั้นเวลาเราทานอาหารน้อยเราก็ได้รับแคลอรี่น้อยไปด้วย ถ้าร่างกายต้องการแคลอรี่ก็จะดึงพลังงานจากไขมันที่เราสะสมเอาไว้ ทำให้น้ำหนักของเราลดลงโดยไม่ต้องออกกำลังกาย ในปัจจุบันได้มีแอปพลิแคลอรี่รอาหารสำหรับการบริโภคแคลอรี่ของเราอยู่มากมายให้เลือกใช้กัน เราสามารถเทียบอาหารได้เลยว่าจะกินหรือไม่กินดี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนเราในยุคปัจจุบัน

2. อย่ากินคาร์โบไฮเดรต
               คาร์โบไฮเดรต มักจะอยู่ในข้าว แป้งต่างๆ ดังนั้นถ้าจะลดหน้าท้องแล้วละก็ แนะนำกินข้าวให้น้อยที่สุด เช่น 1-2 ช้อนก็พอ และให้ทานพวกผักผลไม้ให้มากๆ เพราะในผักผลไม้จะช่วยเรื่องการนำของเสียออกจากร่างกาย รวมทั้งไขมันด้วย
3. กินอาหารเช้าที่อุดมไปด้วยโปรตีน
               อาหารเช้าถือว่าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะเราจะใช้พลังงานตลอดทั้งวัน การทานอาหารเช้าของเรานั้นแนะนำให้ทานจำพวกอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ต้ม หรือ น้ำเต้าหู้ ก็ได้
4. โยเกิร์ตลดน้ำหนัก
               การทานโยเกิร์ตในมื้ออาหารทุกมื้อ มันจะช่วยให้น้ำหนักของคุณลดลงอย่างรวดเร็วและยังช่วยในการควบคุมน้ำหนักของเราอีกด้วย ช่วยควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้โยเกิร์ตจะช่วยป้องกันปัญหาท้องอืดซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อท้องของคุณ
5. เปลี่ยนอาหารไขมันสูง
               อาหารถือว่ามีบทบาทที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนัก ดังนั้นคุณจะต้องคำนึงถึงการวางแผนการรับประทานอาหารของคุณ แทนที่อาหารไขมันสูงกับอาหารไขมันต่ำที่มีอยู่ เช่นเดียวกับโยเกิร์ตไขมันต่ำหรือชีสที่มีไขมันต่ำหรือนม มีทุกอย่างในปริมาณพอสมควรที่จะลดน้ำหนักให้หน้าท้องของคุณแบบราบ
6. การออกกำลังกายหัวใจ

               แน่นอนว่าการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการลดน้ำหนักของเรา แถมยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย อาจจะโดยการวิ่งวันละ 30-45 นาทีก็ได้ ก็จะช่วยลดน้ำหนักทุกส่วนของร่างกายให้ดูมีสุขภาพดี หรืออาจจะทำตาม วีดีโอข้างล่างนี้ก็ได้

แค่น้ำธรรมดา ช่วยรักษาสิว รู้อย่างนี้ต้องลอง

หลายคนส่วนใหญ่ทุกคนที่เป็นสิวมักจะหาวิธีต่างๆเพื่อให้ ลดสิวลงไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม เค้าบอกว่าดีทำหมดทั้งทาน อาหารเสริม วิตามิน แม้กระทั้งจนไม่มีทางออกแล้วต้องไปหาหมอรักษาสิวในที่สุด แต่แท้จริงแล้วน้ำธรรมดานี้แหละที่สำคัญ หลายคนก็คงยังไม่รู้ วันนี้เรามาดูกันว่าน้ำธรรมดาที่เราเห็นนั้นมีดีกว่าที่เราคิด
         แค่น้ำธรรมดาช่วยรักษาสิวได้จริงไหม? ในความเป็นจริงแล้วน้ำนี้แหละถือว่าสำคัญมากในการดูแลผิวของเรา ยิ่งเป็นน้ำที่สะอาดด้วยละก็จะทำให้ผิวหน้าของเรานั้นไม่มีสิ่งสกปรกอีกด้วย การล้างหน้าก็เช่นกัน คนส่วนใหญ่มักจะล้างด้วยน้ำอุ่น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นนั้นมันจะเปิดรูขุมขนบนใบหน้าของเรา ทำความสะอาดได้ลึกก็จริง แต่ว่าการที่รูขุมขนเปิดนั้นทำให้น้ำมันที่ปกป้องดูแลผิวของเรานั้นออกไปด้วยทำให้หน้าของเราแห้งเวลาล้าง เมื่อหน้าของเราแห้งยิ่งไปกระตุ้นต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ยิ่งทำให้เป็นสิวอุดตันเพิ่มขึ้นอีกนั้นเอง ต่อมไขมันนี้ทุกคนต่างมีอยู่แล้ว มีหน้าที่ไม่ให้ผิวของเราแห้ง เวลาล้างหน้าก็ล่างหน้าด้วยน้ำธรรมดา หรืออาจจะใส่เจลล้างหน้าเล็กน้อยถ้าหน้าเรามันมากๆ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้หน้าของเรามันนั้นก็คือ การทำเรานวดหน้าของเรานั้นเอง เพียงแค่ล้างให้สะอาด และก็ค่อยๆใช้ผ้าซับน้ำก็พอ ไม่ต้องไปขัดแรงๆ

         ดังนั้น รู้อย่างนี้แล้วต้องลองค่ะ การล้างหน้าไม่จำเป็นต้องใช้โพม หรือสบู่ แม้กระทั้งเจลล้างหน้าแพงๆ ของแค่เรารู้วิธีที่ล้างหน้าอย่างถูกต้อง รู้ว่าผิวบนใบหน้าของเราต้องการอะไรแค่นั้นเอง ยิ่งผิวหน้าของเรานั้นแห้งมากเท่าไหร่ ต่อมไขมันก็จะเพิ่มกระผลิตไขมันออกมา เพื่อช่วยปกป้องผิวของเราไม่ให้แห้ง แต่ข้อเสียคือ ทำให้เราเป็นสิวง่ายกว่าคนอื่นนั้นเองค่ะ

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พลัง คิดบวก




"You are what you think" คิดอย่างไร? ได้อย่างนั้นเคยสังเกตไหมคนสองคนทำทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ ทำไมคนหนึ่งสำเร็จ อีกคนไม่สำเร็จ ทำอะไร? ก็ไม่ได้ดี ทำการค้าก็ขาดทุนเป็นหนี้เป็นสิน ทำงานเป็นลูกจ้างก็ไม่ก้าวหน้า ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย อยู่ที่ "วิธีคิด" คิดบวกชีวิตบวก คิดลบชีวิตลบ ภาษาพุทธศาสนาเรียกว่า "จิต/ใจ" สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจ อยู่ที่วิธีคิดจะคิดให้ตัวเองทุกข์หรือจะคิดให้สุข เลือกได้ แต่คนเราส่วนใหญ่ชอบเลือกที่จะคิดให้ตัวเองทุกข์ เมื่อทุกข์จิตใจจะเศร้าหมองจะเริ่มท้อ เมื่อท้อทำอะไรก็ไม่สำเร็จเพราะไม่มีพลัง จิตใจห่อเหี่ยว แช่งตัวเองทุกวัน "ทำไม่ได้หรอก ไม่มีทางสำเร็จ ปัญหาเยอะขนาดนี้จะสำเร็จได้อย่างไรไม่มีทาง ฯลฯ"


ทุกวันนี้ความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจมีมากมาย สารพัดภัยรอบตัวเราทั้งภัยจากธรรมชาติ ภัยที่เกิดจากมนุษย์ด้วยกัน สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราล้วนทำให้เราเกิดทุกข์ได้อย่างง่ายดาย มาช่วยกันดูแลตัวเองด้วยการคิดบวกจะดีกว่าไม่ว่าอะไรจะมากระทบขอให้คิดบวกไว้ก่อน มีงานวิจัยของสหรัฐอเมริกาเรื่องวิธีคิดที่มีผลต่อเซลล์สมอง เขาบอกว่าทุกครั้งที่คิดบวกเซลล์สมองด้านดีจะแตกกิ่งก้านสาขาออกมามากมาย แต่เมื่อไรคิดลบเซลล์สมองอีกด้านก็จะแตกกิ่งก้านออกมาเหมือนกันแต่จะรวมกันคล้ายพังผืดยึดติดกันเป็นแผ่นทำให้เลือดที่จะไปเลี้ยงสมองไหลเวียนไม่สะดวกทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ตามมา 

ไม่ว่าผลการวิจัยนี้จะจริงหรือไม่ก็ตามสิ่งที่เราสามารถพิสูจน์ได้คือ คิดบวกแล้วมีความสุขแน่ๆคิดลบก็ทุกข์แน่ๆ เช่นกัน เมื่อรู้แบบนี้แล้วเรายังจะคิดลบกันอยู่ทำไม มาดูกันดีกว่าคนรวยเขามีวิธีคิดอย่างไร?


= = > คนรวยเชื่อในทฤษฎี Can Do ทุกอย่างทำได้และลงมือทำอย่างจริงจัง คนจนคิดว่าฟ้าลิขิตทำยังไงก็ไม่ได้ถ้าดวงไม่มี
= = > คนรวยมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการอะไร และคิดหาวิธีไปถึงเป้าหมายโดยไม่ละความพยายามด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ คนจนส่วนใหญ่ไม่มีเป้าหมายหรือแม้มีเป้าหมายก็ไปไม่ถึงเพราะความคิดลบสกัดกั้น
= = > คนรวยเห็นแต่โอกาสไม่คิดถึงปัญหาแม้มีปัญหาก็แก้ไขได้ คนจนเห็นแต่อุปสรรค จ้องมองหาแต่ปัญหาที่ทำให้ท้อแท้ไม่สู้
= = > คนรวยคิดใหญ่ อย่างมีพลัง คิดได้ต้องได้ คิดมีต้องมีใช้พลังความคิดเป็นตัวขับเคลื่อน คนจนคิดเล็ก ได้ก็ดีไม่ได้ก็ช่างมัน
= = > คนรวยใช้เงินทำงานด้วยการบริหารจัดการให้เงินงอกเงย คนจนทำงานเพื่อให้ได้เงินมาจับจ่ายใช้สอย อยู่กับลัทธิเอาอย่าง
= = > คนรวยคบหาสมาคมกับคนที่ประสบความสำเร็จและคิดบวก คนจนคิดลบคบหากับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ
= = > คนรวยทำสิ่งใดคาดหวังต่อความสำเร็จ เชื่อว่าสามารถทำได้มีความมั่นใจ คนจนทำสิ่งใดคาดหวังต่อความล้มเหลว ขาดความเชื่อมั่นคิดถึงแต่ความไม่สำเร็จ


พลังคิดบวกนอกจากจะช่วยให้คนประสบความสำเร็จแล้วยังช่วยให้คนคิดบวกมีความสุขด้วยและสิ่งที่ตามมาคือสุขภาพกาย-ใจแข็งแรง ผู้คนรอบข้างมีความสุข ตรงกันข้ามกับคนคิดลบนอกจากไม่ประสบความสำเร็จแล้วยังเต็มไปด้วยความทุกข์ หวาดระแวง เครียด สิ่งที่ตามมา คือ โรคร้ายแรง คนใกล้ชิดมีแต่ความทุกข์ เพียงคิดบวกทุกๆวัน ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป "คิดบวกสร้างสุขสร้างเงิน"





หญิงไทยในยุคปัจจุบัน



เสวนาโครงการ "หญิงไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน" ณ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 12.30-16.30 พิพิธภัณฑ์ฯได้จัดงานเสวนาโครงการ "หญิงไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน" โดยวิทยากรคือ   คุณวิกัลย์ พงศ์พนิตานนท์    หัวหน้าหอจดหมายเหตุศิริราชพยาบาล และ คุณพิมพ์ฤทัย ชูแสงศรี บรรณาธิการบริหารนิตยสารลิซ่า

ด้วยในเดือนสิงหาคมนี้เป็นวาระครบ 95 ปีแห่งวันอภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี อีกทั้งในเดือนสิงหาคมยังจัดเป็นเดือนวัน สตรีไทยและแม่แห่งชาติอีกด้วย พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เห็นควรจัดโครงการสัมมนาเรื่อง “หญิงไทยยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน”

   เพศแม่เป็นสัญลักษณ์แห่งการให้กำเนิดและความอุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุคคลาสสิกได้รับการยกย่องเป็นเทพีแห่งสงคราม เทพีแห่งการเยียวยา เทพีแห่งการล่าสัตว์แม้แต่ในสังคมอินเดีย เทพีหลายองค์ทรงเป็นศักติหรือ พลังของเทพเจ้าสำคัญ จำนวนไม่น้อยตามความเชื่อหลายลัทธิ     ผู้หญิงได้รับการปฏิบัติแตกต่างกันออกไปทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก ตามความเชื่อทางศาสนาและค่านิยมในสังคม แต่หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวัยอาวุโสสูงสุด สตรีเพศทั้งในสังคมจีนและอินเดีย อาจมีสถานภาพเป็นผู้ชี้ทางอนาคตของครอบครัวบนสถานภาพของการเป็น “ผู้รู้และผู้สืบทอดภูมิปัญญา” ทั้งในเรื่องความเป็นอยู่และพิธีกรรมของครอบครัวโดยมีศาสนาและความเชื่อเป็นสายธารเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม
ในสังคมไทย เมื่อประมาณ 200 ปีเศษที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้หญิงตัวเล็กๆ หลายคน อาจส่งผลกระทบไปถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกระบวนการยุติธรรมโดยรวมอย่างคาดไม่ถึงอาทิ ในกรณีของอาแดงป้อมผู้เป็นสาเหตุให้ร้อนถึงพระเนตรพระกรรณพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจนถึงกับต้องชำระพระราชบัญญัติอันเป็นต้นเค้าของกฎหมายตราสามดวงในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

      
ฎีกาที่ “ขัดฝืน” ผู้หญิงที่น่าสงสารอย่าง “อาแดงเหมือน” ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงกับส่งผลให้ประเพณีการคลุมถุงชนในสังคมไทยเสื่อมคลายภายใต้พระราชวินิจฉัยที่ว่า “การแต่งงานของชายหญิงต้องเกิดจากความสมัครใจ” อีกทั้งยังส่งผลให้มีการประกาศพระราชบัญญัติลักพาพ.ศ.2408 และพระราชบัญญัติผัวขายเมียพ.ศ. 2410 อันเป็นการปูพื้นฐานของเรื่องสิทธิมนุษยชนและการเลิกทาสในรัชสมมัยต่อมา ทำให้คำกล่าวที่ว่า “ผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นคน” ในอดีตเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนในสังคม
   
ในยุคปลายสังคมจารีตสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างของการยกย่องสถานภาพของสตรี ตามค่านิยมของ“สังคมผัวเดียวเมียเดียว” แบบตะวันตกโดยทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินีแต่เพียงพระองค์เดียว พระราชจริยาวัตรนี้ส่งผลระดับหนึ่งต่อสถาบันครอบครัวในเวลาต่อมาแต่เป็นน่าแปลกใจที่สังคมไทยแม้จะให้ความสำคัญ ต่อคำสาบาน ดังพันธะที่มีต่อพระราชพิธีศรีสัจปานกาลมาแต่ครั้งอดีต กลับไม่เคยแยแสต่อการสาบานว่า จะซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสจนกว่าจะตายจากกันร่องรอยการให้ “เครดิต” แก่ผู้หญิงครั้งสำคัญ ที่สุดในยุคเปลี่ยนผ่าน สู่สังคมประชาธิปไตย
     
เมื่อพ.ศ.2475 ปรากฏในธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราวฉบับแรก กำหนดให้ผู้หญิงไทยได้รับสิทธิทางการเมืองเท่าเทียมกับผู้ชาย ขณะที่สตรีหลายชาติทั้งในโลกตะวันตกที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้วกลับยังไม่ได้สิทธิดังกล่าวในขณะที่สังคมโลกตระหนักถึงสิทธิสตรี ทั้งรัฐไทยและสังคมไทยโดยรวม ทัศนะที่มีต่อผู้หญิงมีพัฒนาการอย่างไรบ้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมการเมือง นิติบัญญัติและวัฒนธรรมส่งผลกระทบต่อบทบาทของผู้หญิงอย่างไร ปัจจัยเกื้อหนุนและบั่นทอนย้อนกลับต่อบทบาทของผู้หญิงอัน เนื่องมาจากกฎหมายบางอย่างมีอะไรบ้างขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเกิดจากตัวแปรอะไรบ้าง ล้วนเป็นคา ถามที่สังคมต้องร่วมกันแสวงหาคา ตอบหรือร่วมกันแก้ไข้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้การอ้างความรักความหึงหวงแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นการทา ร้ายคนเพศแม่อย่างโหดร้าย การลดความสำคัญ ของสตรีหลังการแต่งงาน ทำให้ผู้หญิงขาดโอกาสทางเศรษฐกิจ ถึงกระนั้นก็ตามสิทธิทางการเมืองและการศึกษาก็ทา ให้สตรีจำนวนไม่น้อยประสบความสำเร็จในวิชาชีพของตน
โครงการสัมมนาวิชาการนี้ยังเชื่อมโยงกับเนื้อหานิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเผยแพร่พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญ ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพัฒนาการทางการเมืองการปกครองไทย




นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาสังคมศีกษา คณะศึกษาศาสตร์ 
มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

เข้าร่วมฟังอบรมเสวนาโครงการ"หญิงไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน"

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

การเขียนเอกสารอ้างอิง

การเขียนเอกสารอ้างอิง


ตัวอย่างการเขียนเอกสารอ้างอิง

หนังสือ

1. Mackenna BR, Callander R. Illustrated physiology. 6th ed. New York : Churchill Livingstone, 1997.
2. สุภาพร สุกสีเหลือง. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (Aquaculture). กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่งเสริมการเกษตร, 2538.
3. Weinstein L, Swartz MN. Pathogenic properties of invading microorganisms. In : Sodeman WA Jr, Sodeman WA, editors. Pathologic physiology : mechnisms of Disease. Philadelphia : Saunders, 1974: 457-72.
4. สุพิศ จึงพาณิชย์. Oral cavity & teeth. ใน : วิญญู มิตรานันท์, บรรณาธิการ. พยาธิวิทยากายวิภาค. กรุงเทพ : โอเอสพรินติ้งเฮาส์, 2538: 659-78.
5. Ansvarsfall RY. Bloodtransfusion till fel patient. Vardfacket 1989; 13 : xxvi-xxvii.
6. รังสี อดุลยานุภาพ, มงคล เตชะกำพุ, ชัยณรงค์ โลหชิต. การกระตุ้นรังไข่ในลูกโคด้วยฮอร์โมน เอฟ เอส เอช ซ้ำหลายครั้ง. เวชชสารสัตวแพทย์ 2541; 28: 59-69.



รูปแบบ :-         ชื่อผู้แต่ง. ชื่อหนังสือ. ครั้งที่พิมพ์. เมืองที่พิมพ์: ผู้พิมพ์, ปีที่พิมพ์.
1. Mackenna BR, Callander R. Illustrated physiology. 6th ed. New York : Churchill Livingstone, 1997.
บทหนึ่งในหนังสือ (Chapter in a book)

วารสาร           

รูปแบบ :-         ชื่อผู้แต่ง. ชื่อบทความ. ชื่อย่อวารสาร ปีที่พิมพ์ ; ปีที่ของวารสาร (ฉบับที่) : หน้าที่ปรากฏบทความ.
1. Marks SL, Williams DA. Time course of gastrointestinal tract permeability to chromium 51-labeled ethylenediaminetetraacetate in healthy dogs. AJVR 1998; 59: 1113-5.




อ้างอิง :
http://www.thaigoodview.com/node/99177
สืบค้นเมื่อ 22  กันยายน  2556

ads